เซลล์
ทำไมในเมื่อเกิดมาก็ตัวคนเดียว แล้วการจะยืนอยู่คนเดียวมันยากแค่ไหนกัน?
เข้าใจว่ามนุษย์และสังคมก็แทบจะเกิดมาคู่กัน แต่การที่เราจะเข้าไปสู่สังคมได้นั้น ตัวเราย่อมต้องรู้ดีว่า เราจะไปอยู่ในสังคม ในฐานะอะไร
คนที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นใคร ก็เปรียบเสมือนสัตว์เซลล์เดียว ที่ไม่มีความคิดใดๆ อยู่ได้ก็ด้วยการอาศัยความเป็นกลุ่มเป็นก้อน ค่าของมันก็จะมีอยู่แค่นั้น คือเซลล์หนึ่งๆที่ทำหน้าที่ของชีวิตมันไป อย่างลืมเสียงของสมองและจิตใจที่เรียกร้องให้ทำตามความฝันของตน
คนที่เกาะกลุ่มก็เพราะความอ่อนแอ ความขี้ขลาด ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยเสียงของตนเอง
ในมนุษย์ทุกคนมีความสำคัญซ่อนอยู่ และเราต้องแสดงมันออกมา เพราะการถูกกลืนไปกับใครๆที่เหมือนๆกันนั้น มันทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกไร้ค่า เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ เราจะตาย มันก็ไม่มีค่าอะไร เพราะอีกสักพักก็จะมีคนอื่นๆที่คล้ายๆเรา เกิดขึ้นมาถมกันไป ชีวิตที่เหมือนโคลนตมแบบนั้น ยอมรับได้หรือ?
ความสำคัญของใครแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน และมันอยู่บนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง กล้าหาญ คนทุกคนจึงมีค่าต่อโลกนี้ และคนที่ไม่กล้าแสดงออก รังแต่จะนั่งอมสาก กลัวแต่พิกุลจะร่วง สักวันก็จะกลายเป็น "Mass Product" ที่ล้นตลาด และรอวันเอาไปทำลาย ไม่มีค่าอันใด ก็แค่ซากของสิ่งๆหนึ่งที่เคยเหมือนจะมีชีวิต
คนที่มีความกล้าสักเล็กน้อย ก็จะเป็นเหมือนพลุ ที่แตกตูมขึ้นมาชั่วครู่ แล้วก็ดับไป
ความสำคัญ คือ ผลรวมของประสบการณ์ ความกล้าหาญ ความอดทน และความสร้างสรรค์
ผู้ที่ลอกเลียนความสร้างสรรค์ของคนอื่น ก็จะยืนอย่างลำพังไม่ได้ และผู้ที่แอบอ้างคนอื่น ก็จะได้รับเกียรติแบบเดียวกันจาก"สัตว์ที่เรียกว่าคน"อื่นๆ เช่นกัน (คนที่คล้ายกัน ย่อมดึงดูดกัน)
คนที่คาดว่าตัวเองมีความสร้างสรรค์ แต่ไม่ถ่องแท้ วันหนึ่งเขาก็จะกลายเป็นเหมือนตุ๊กตาไขลาน ที่รอวันรอบของลาน และหยุดนิ่งไป
ความรู้จักตนเอง จึงต้องอาศัยเวลาที่จะเรียนรู้ อาศัยผู้คนและสังคมรอบข้างช่วยขัดเกลา ไม่สามารถเกิดขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวและโด่เด่ได้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว เราจะต้องมีเวลาที่จะพิจารณาถึงความเป็นไปของตน ไม่ใช่เกิดแล้วก็ปล่อยมันไป เพราะนั่นเท่ากับไม่มีความรู้สึกรู้สาต่อความเป็นไปภายในของตน
นั่นคือเราต้องมีความสันโดษ เพื่อหาเวลาที่จะใช้สมาธิในการพิจารณ์ตน
คนที่ต้องเกาะติดอยู่กับสิ่งอื่นๆ จึงไม่มีวันที่จะค้นหาตนเองเจอได้เลย