Akbar of Silom

I just want to be an inspiration for somebody.

Monday, November 13, 2006

เซลล์

ทำไมในเมื่อเกิดมาก็ตัวคนเดียว แล้วการจะยืนอยู่คนเดียวมันยากแค่ไหนกัน?
เข้าใจว่ามนุษย์และสังคมก็แทบจะเกิดมาคู่กัน แต่การที่เราจะเข้าไปสู่สังคมได้นั้น ตัวเราย่อมต้องรู้ดีว่า เราจะไปอยู่ในสังคม ในฐานะอะไร
คนที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นใคร ก็เปรียบเสมือนสัตว์เซลล์เดียว ที่ไม่มีความคิดใดๆ อยู่ได้ก็ด้วยการอาศัยความเป็นกลุ่มเป็นก้อน ค่าของมันก็จะมีอยู่แค่นั้น คือเซลล์หนึ่งๆที่ทำหน้าที่ของชีวิตมันไป อย่างลืมเสียงของสมองและจิตใจที่เรียกร้องให้ทำตามความฝันของตน
คนที่เกาะกลุ่มก็เพราะความอ่อนแอ ความขี้ขลาด ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยเสียงของตนเอง
ในมนุษย์ทุกคนมีความสำคัญซ่อนอยู่ และเราต้องแสดงมันออกมา เพราะการถูกกลืนไปกับใครๆที่เหมือนๆกันนั้น มันทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกไร้ค่า เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ เราจะตาย มันก็ไม่มีค่าอะไร เพราะอีกสักพักก็จะมีคนอื่นๆที่คล้ายๆเรา เกิดขึ้นมาถมกันไป ชีวิตที่เหมือนโคลนตมแบบนั้น ยอมรับได้หรือ?
ความสำคัญของใครแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน และมันอยู่บนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง กล้าหาญ คนทุกคนจึงมีค่าต่อโลกนี้ และคนที่ไม่กล้าแสดงออก รังแต่จะนั่งอมสาก กลัวแต่พิกุลจะร่วง สักวันก็จะกลายเป็น "Mass Product" ที่ล้นตลาด และรอวันเอาไปทำลาย ไม่มีค่าอันใด ก็แค่ซากของสิ่งๆหนึ่งที่เคยเหมือนจะมีชีวิต
คนที่มีความกล้าสักเล็กน้อย ก็จะเป็นเหมือนพลุ ที่แตกตูมขึ้นมาชั่วครู่ แล้วก็ดับไป
ความสำคัญ คือ ผลรวมของประสบการณ์ ความกล้าหาญ ความอดทน และความสร้างสรรค์
ผู้ที่ลอกเลียนความสร้างสรรค์ของคนอื่น ก็จะยืนอย่างลำพังไม่ได้ และผู้ที่แอบอ้างคนอื่น ก็จะได้รับเกียรติแบบเดียวกันจาก"สัตว์ที่เรียกว่าคน"อื่นๆ เช่นกัน (คนที่คล้ายกัน ย่อมดึงดูดกัน)
คนที่คาดว่าตัวเองมีความสร้างสรรค์ แต่ไม่ถ่องแท้ วันหนึ่งเขาก็จะกลายเป็นเหมือนตุ๊กตาไขลาน ที่รอวันรอบของลาน และหยุดนิ่งไป
ความรู้จักตนเอง จึงต้องอาศัยเวลาที่จะเรียนรู้ อาศัยผู้คนและสังคมรอบข้างช่วยขัดเกลา ไม่สามารถเกิดขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวและโด่เด่ได้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว เราจะต้องมีเวลาที่จะพิจารณาถึงความเป็นไปของตน ไม่ใช่เกิดแล้วก็ปล่อยมันไป เพราะนั่นเท่ากับไม่มีความรู้สึกรู้สาต่อความเป็นไปภายในของตน
นั่นคือเราต้องมีความสันโดษ เพื่อหาเวลาที่จะใช้สมาธิในการพิจารณ์ตน
คนที่ต้องเกาะติดอยู่กับสิ่งอื่นๆ จึงไม่มีวันที่จะค้นหาตนเองเจอได้เลย

Tuesday, October 31, 2006

ความเป็นคน

อะไรคือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน
หรือว่าคนเป็นเพียงชื่อของการเรียกสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์หนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรสลักสำคัญ
ถ้าเช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไรกับการที่ได้โอกาสจากชีวิตให้มาเป็นคน?
ถ้าเช่นนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องใส่คุณค่าเข้าไป เพราะถ้าไม่มีคุณค่า เราก็ไม่ได้มีอะไรที่ต่างจากสัตว์มากเท่าไหร่ แต่ว่าคุณค่าของคนนั้นนับกันที่ไหน?
มีบางสิ่งที่เราแตกต่างจากสัตว์ หนึ่งนั้นคือการมีเหตุผล หนึ่งนั้นคือการมีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากมาย หนึ่งนั้นคือการใช้ความคิดที่ไม่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ หนึ่งนั้นคือการเรียนรู้ที่ทำให้สัญชาติญาณเป็นโมฆะ
ในความเป็นสัตว์นั้น สัญชาติญาณและความรู้สึกนั่นเพียงพอต่อการดำรงชีพ เมื่อมีอันตรายก็ใช้ความคิดง่ายๆคือหนีหรือสู้ และตอบโต้ไปโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร เหมือนสุภาษิตตระกูลงูว่าฉกก่อนแล้วจึงถามไถ่
ในความเป็นสัตว์นั้นเมื่อมันรักมันก็จะไม่แปรเปลี่ยนไปไหน หมานั้นย่อมเจ็บปวดเสมอ เมื่อเจ้าของเอายางรัดอัณฑะทำหมัน แต่มันก็จะวิ่งไปหาเจ้าของเดิมเสมอเมื่อมันหายปวด มันไม่คิดจะเรียนรู้ว่าความรักนี้เจ็บแล้วต้องจำ หรือมันไม่สงสัยเมื่อเมียของมันเดินไปหาตัวผู้ตัวใหม่ การร่วมเพศเป็นหน้าที่เพื่อการสืบพันธุ์เท่านั้น
ในความเป็นสัตว์นั้น มันก็ไม่ต้องคิดถึงปรัชญาของคมเขี้ยวหรือใบหญ้า
ในความเป็นสัตว์นั้น สัญชาติญาณจะเชื่อถือได้โดยเสมอ มันไม่ต้องคิดก่อนแล้วจึงตะบึง และมันไม่ต้องกังวลต่อการร่วมเพศกลางฝูงชน มันไม่ต้องกังวลถึงเสื้อผ้าหรือขนของมันว่าจะเป็นสีใด
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คุณค่าของมนุษย์ทั้งหมด อาจถูกเรียกรวมได้ว่า มันคือ "จิตใจที่ซับซ้อน"
เปลือกของคนจึงไม่ได้มีความจำเป็นเท่าไหร่
ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่รักและเกลียดเราได้ แม้ว่ามันจะไม่ได้พูดภาษามนุษย์ เราจะคิดอย่างไรกับมัน?
ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่พูดภาษามนุษย์ได้ แต่มันไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลย และทำทุกอย่างตามสัญชาติญาณอย่างเดียว เราจะคิดอย่างไรกับมัน?
มันก็ไม่น่าแปลกอะไรถ้าจะมีใครบางคนรักหมามากกว่าเพื่อนมนุษย์ มันก็ไม่แปลกอะไรถ้าชายหนุ่มจะคิดว่านี่คือเพื่อนแท้และหญิงสาวคิดว่ามันซื่อสัตย์กว่าใครๆ แล้วคิดว่ามันก็เป็น "เหมือนๆเรา"
คนหรือมนุษย์ มันจึงเป็นแค่การจำกัดความของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มี 2 ขา 2 แขน ยืนตรง เท่านั้น
บางครั้งหลายสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ก็มีค่า "เหมือนๆเรา" มากกว่าคนที่เดินตัวตรงมี 2 ขา 2 แขน
บางสิ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องขยับเขยื้อน
บางสิ่งอาจจะมีชีวิตเป็นของมัน
บางสิ่งอาจจะไม่มีชีวิตด้วยซ้ำ
แต่คุณค่าของมันนั้น เทียบเท่าคน
นั่นย่อมหมายถึงคุณค่าของมันและความเป็นมันที่ได้แสดงออกมา
สิ่งใด ที่เป็นคนเพียงแค่เปลือก เราอาจนิยามได้หรือไม่ว่า นั่นไม่มีค่าใดๆในการมีชีวิตอยู่เลย

Friday, October 27, 2006

น้ำตาพระเจ้า

ใต้แสงสีแห่งเมืองอันศิวิไลซ์
เมืองที่แสงจันทร์ไม่อาจส่องถึงได้ และผู้คนก็ห่างเหินจากแสงดาว
โลกนี้มีที่เพียงพอสำหรับการมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีที่แม้แต่นิดสำหรับผู้มีความโศกเป็นชนักอยู่บนหลัง อย่างที่นักคิดได้บอกไว้ว่า "เมื่อท่านยิ้ม ทั้งโลกก็จะแสยะไปกับท่าน แต่เมื่อท่านร้องไห้ ทั้งโลกก็ยังคงยิ้มเช่นเดิม"
แต่เมื่อกฏแห่งธรรมชาติยังคงความยุติธรรมเสมอ จะไม่มีที่ไหนที่ไร้ความสมดุลย์ ธรรมชาติหรือเรียกว่าพระเจ้าก็ได้ ก็ได้ก่อกำเนิด "ความยุติธรรม" ขึ้นมา
น้ำแหล่งน้อยที่ส่งกลิ่นหอมหวล อาจเป็นยาพิษและอาจเป็นอมฤต
ในมุมอับที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความกดดันและความเศร้าทั้งหลายที่ผู้คนได้แบกกันมาวางทิ้งไว้
เหล่าผู้คนที่เปลี่ยวเหงาแต่มีเป้าหมายเดียวกันได้เดินทางกันโดยนัดหมายบ้างและมิได้นัดหมายบ้าง ทิ้งตัวลงนั่งทับความทุกข์และความผิดบาปที่อยู่ใต้ก้นตัวเองนั้น
เป็นความอบอุ่นเล็กๆที่รู้ว่า โลกนี้ ยังมีคนที่มีเป้าหมายร่วมกันในช่วงเวลาสั้นๆตั้งมากมายขนาดนี้ ยามเมื่อมองไปรอบๆตัว
ไม่มีสิ่งใดที่ช่วยให้เรานั้นหลงลืมความผิดบาปที่กรีดลงไปเป็นแผลเป็นในใจได้ นอกจากสุรา ไม่ใช่ว่าขึ้นกับอารมณ์ของวันต่อวัน แต่มันคือสิ่งที่ฝังตัวมานาน และสถานที่อับเหม็นควันยาสูบยาเส้นก็เป็นเหมือนโบสถ์สำหรับเหล่ามนุษย์ผู้เป็นมารครึ่งเทวดาครึ่งได้เข้ามาปลอบประโลมใจกัน
สุราก็ช่วยให้เราได้ลืมเวลาอันขมขื่นได้สักช่วงหนึ่ง เพื่อเตรียมตัวตื่นมาพบกับความปวดร้าวนั้นใหม่ ไม่มีมนุษย์คนไหนที่รักจะหมกตัวอยู่กับความเศร้านานๆ
เพราะชีวิตไม่ได้มีแต่ความสมหวัง และบนความสำเร็จก็ย่อมเกิดมาพร้อมกับศัตรูหรือผู้เคราะห์ร้ายคนหนึ่งเสมอ...
ซาลูต!!!! แด่ชายหญิงทั้งหลายที่ข้าเหยียบหัวข้ามมา!!!! สุราในแก้วนี้ถือเสียเป็นเลือดและเนื้อหนังของข้า เพื่อไถ่โทษแด่ความเจริญหรือการแก้แค้นของข้า ขอท่านและข้าจงยินดีและสรวลด้วยความพอใจ!!!!
เพราะความงามของโลกนี้มีคุณค่าและน่าหลงไหลเกินกว่าที่เราจะปล่อยวาง แม้กระทั่งความเจ็บปวดก็ยังคงน่ากระโจนใส่จนถึงกับต้องเก็บกลับไปคิดและฝันถึง และมันจะมาคู่กันเสมอ ตราบใดที่เราไม่สามารถละสังขารได้อย่างสิ้นเชิง
และกว่าจะถึงคราวละลาจากวัฎจักร สุราจะคอยขับกล่อมปลอบประโลมเราในค่ำคืนที่ทุกข์ทนไปจนกว่าจะถึงวันนั้น

แด่ชายหนุ่มและหญิงสาว
แด่ชนชาวโลกที่คาดหวังถึงความสงบ
แก้วนี้ขอดื่มแด่คนเหล่านั้น
จากข้าผู้เดียวดาย

Wednesday, October 25, 2006

อิสระ

อิสระคือการไม่ยึดติดกับสิ่งใด
ใครๆอาจจะคิดถึงอิสระ นั่นเป็นเพราะเขายึดติดกับอิสระจนปลีกตัวไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
อิสระเป็นความรู้สึก ไม่ใช่สิ่งที่เป็นป้ายไว้ตราหน้าออกโฆษณาว่า ตูข้านั้น เป็นอิสระแล้ว
อาจจะเป็นเรื่องแปลก ที่อิสระอาจจะไม่ใช่อิสระ แต่เป็นเพียงการผูกมัด แต่เพราะอิสระไม่ได้ต้องการคำอธิบายให้มากมาย หรือเป็นเพราะมันยากเกินกว่าจะอธิบาย ในเมื่อความรู้สึกทั้งหลายก็ล้วนแต่มีเจ้าของ อิสระจึงเป็นของใครคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ของใครที่ใครๆถวิลหา
ใครหลายคนก็ไฝ่ฝันถึงอิสระ และคนที่ชอบในการฝันไฝ่ก็เพราะเขาไม่มีสิ่งนั้นอยู่ในตัว เหมือนผู้อวดอ้างสร้างชื่อในการทำความดี นั่นก็เพราะเขาไม่มีความดี จึงต้องสร้างมันและป่าวประกาศ เป็นการทดแทนปมด้อย
คนทุกคนมีความสามารถที่จะเป็นอิสระ แต่คนทุกคนก็ลืมไปว่าเขาก็มีปีกที่พร้อมจะโผบินอยู่แล้ว ทุกคนเป็นเหมือนนกที่นอนหลับแล้วไฝ่ฝันถึงท้องฟ้า
หลายคนก็ยึดติดแต่การที่มีฝ่าเท้าและต้องการจะยึดมันให้ติดกับผืนดิน แล้วทำเป็นเพียงแค่เงยหน้ามองฟ้าที่ตนจะไม่มีวันไปถึง ดูเหมือนว่าเขาจะเคยชินกับการใช้เท้ามากกว่าปีก แล้วคนเหล่านี้ก็ทำได้เพียงฝันกลางวันไปเรื่อยๆ ถึงสิ่วที่ตนเป็นแต่ลืมไป
ปีกของใครๆก็ด้านชา เพราะมันพับงออยู่นานจนหมดเรี่ยวแรง แล้ววันหนึ่ง มันอาจจะหายไป เมื่อจินตนาการนั้นอ่อนล้า และเศร้ากับความเฉยชา มันจะค่อยๆหลุดออกไป
แล้วนักฝันทั้งหลาย ก็จะได้เป็นนักฝันที่แห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง ทรุดลงกับฝ่าเท้าที่เหน็ดเหนื่อยแตกระแหง จนทำได้แค่เพียงฝันถึงทุกๆสิ่งจริงๆ ก่อนจะนอนหลับไปในผืนดิน

Thursday, October 19, 2006

เรื่องแปลกๆ

- ฝนจะตกทุกวันที่เราออกไปข้างนอก และตกทุกเวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับบ้าน วันที่เราไม่มีร่ม จะหนักเป็นพิเศษ
- ร้านอาหารอร่อยๆ เดินทางไปยาก พอไปถึงก็ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือเปล่า มันถึงได้อร่อยปานนั้น
- ของที่มีอยู่ชิ้นเดียวเท่าที่เรารู้วางขายอยู่ ถ้าไม่ซื้อเดี๋ยวนั้น ชีวิตนี้อาจจะไม่มีโอกาสซื้ออีก
- ของที่ได้มาฟรี จะหายง่ายมาก
- ไม่เคยใช้ปากกาและไฟแช็คจนหมด มันจะต้องหายก่อนหมดครึ่งหนึ่ง
- เวลาชอบใครสักคน จะเสียเนื้อที่ความจำไปกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เจ้าตัวเขาก็ลืมไปแล้วมากมาย
- อะไรที่เราไม่เคยใส่ใจ วันหนึ่งมันจะต้องใช้งาน แล้วตอนนั้นเราก็จะไม่มีสิ่งที่เราไม่ใส่ใจไว้ใช้
- คนใกล้ตัว ทะเลาะมันได้ทุกวัน แต่ถ้าเขาไม่อยู่ เหงาตายเลย
- คนที่เราชอบ ไม่ใช่ของเรา แต่หลายๆคนติ๊งต่างว่าเขาเป็นของเรา แล้วใครเขาให้ยึดมั่นในสิ่งที่ไม่จีรังกันล่ะ
- อย่าประมาท 25 สตางค์ เคยไหมที่ขึ้นรถเมล์ไม่ได้เพราะมี 3.25 บาท
- ถ้าคนที่ชอบพูดมากๆ ให้ลองเสนอความช่วยเหลืออย่างจริงจัง เขาจะแก้ตัวและหุบปากไปเอง โดยที่ไม่มีความคิดจะทำอะไรเลย
- เวลาเดินไปไหน แล้วมีคนถามว่าไปไหน ถ้าไม่อยากให้เขาถามต่อมากมาย ให้ตอบว่า "ไปขี้" ถ้าตอบว่าไปห้างรึไปดูหนัง เขาจะชอบถามต่อว่าไปกับใครให้ตอบว่า"ไปกับเมีย/ผัว" มันจะหมดอารมณ์ถามไปเอง
- ถ้าอยากใช้ห้องน้ำสะอาด จิตวิทยาคนไทยจอมขี้เกียจ ให้เข้าห้องสุดท้าย
- การมีน้ำใจกับเพศตรงข้าม อาจส่งผลเสียหายให้กับเราได้ ถ้าไม่มีเพื่อนเพศตรงข้ามของเราช่วยจริงๆแล้ว ค่อยให้ความช่วยเหลือตรงๆ เช่น ผู้ชายไม่ได้รูดซิบ ผู้หญิงไม่ได้กลัดกระดุมตรงหน้าอก
- ถ้าเราให้เงินขอทาน เขาจะดีใจ แต่ถ้าเราพาเขาไปกินข้าว เขาจะโคตรโกรธ
- คนในยุคปัจจุบันกราบไหว้พระเครื่องมากกว่าทำความดี
- ถ้าผู้หญิงทั้งหลายคิดว่าอะไรมันสกปรก ขอเชิญที่ห้องทำงานและห้องนอนของผู้ชายและจะพบว่าคุณสะอาดกว่าผมเยอะ(ผมเลยอยากได้คนดูแลไง)
- เวลาผู้ชายคุยเรื่องลามก เราจะเล่าเรื่องของคนที่เราไม่คิดจะจริงใจเลย ส่วนแฟนเราจะเอาเราไปเผาเสียมอดใหม้กับเพื่อนๆ
- การกินเหล้าเพื่อถอนในยามเช้า ทำให้เราเมาเพิ่มขึ้นอีก
- กิ๊ก คือเรื่องของวัยรุ่นที่ไม่คิดจะรับผิดชอบแม้แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้น
- เราจะรู้ถึงขีดจำกัดและพัฒนาต่อได้ เมื่อเรายอมรับความจริงว่าเรามันก็แค่นี้ แต่เราจะขอลองทำมันไปจนเจอทางตันแล้วค่อยหยุด

Wednesday, October 18, 2006

พ่ายแพ้

ครั้งหนึ่งเคยคิดว่า ถ้าเราได้เป็นแรงบันดาลใจ หรือได้ช่วยใครให้มีฝันที่เป็นจริงได้ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดี
นั่น...เคยเป็นความฝันครั้งหนึ่งของคนที่เคยคิดจะใช้สองมือหมุนโลกให้เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ แต่การผลักดันคนเดียว มันหนักเกินไปสำหรับการแบกโลกนี้ไว้แล้วหมุน
และนั่นเป็นสาเหตุที่อยากได้ใครอีกหลายๆคน มายืนอยู่ในจุดเดียวกัน และช่วยกันผลักดัน ให้ใครอีกหลายๆคน ได้ขึ้นมายืนอยู่ที่เดียวกัน
แต่...ชะตาของคน มันก็มีกรรมบางอย่าง อันเป็นอวิชชา ที่จะบังตาเอาไว้ ที่ทำให้ใครๆไม่ไปถึงฝั่งฝัน ที่ใครหลายๆคนต้องบาดเจ็บหนักจนเดินต่อไม่ไหว ที่ใครหลายๆคนมองไม่เห็นทางที่จะไป ที่ใครหลายๆคนพูดกันคนละภาษาจนเขาไม่สามารถเข้าใจถึงคำให้กำลังใจและการปลอบประโลมได้ และความหวังดีนั้นอาจเป็นความชั่วร้ายไปเสียฉิบ
แม้จะเชื่อมั่นว่า ไม่มีมนุษย์คนใด ที่ไม่สามารถข้ามอุปสรรคได้ แต่เราจะพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคเมื่อเราเริ่มที่จะก้มหน้าลง ยอมรับชะตากรรมว่าเรานั้นไร้ความสามารถ
และการชี้ให้เห็นว่าเพียงแค่เงยหน้าขึ้นนั้น เป็นคำแนะนำที่พูดได้ยากยิ่งกว่าคำปราศัยใดๆ
ศีลธรรมของคน มี 2 แบบ ศีลธรรมของนาย และศีลธรรมของทาส เส้นแบ่งของ 2 ศีลธรรมนี้ กว้างใหญ่
นายจะมองทาสอย่างขบขัน และทาสจะมองนายอย่างชั่วร้าย
ความหวังดีของนาย จะแปรเปลี่ยนเป็นความชั่วร้ายเสมอ ไม่ว่านั้นจะแฝงด้วยผลประโยชน์หรือบริสุทธิ์
และนาย ก็จะมองทาสอย่างไม่เข้าใจต่อการกระทำของเขา เพราะมันช่างน่าตลกและไร้ประโยชน์เสียนี่กระไร
เฉกเช่นเหยี่ยวและลูกเจี๊ยบ ที่ลูกเจี๊ยบก็ไม่เคยมองเหยี่ยวเป็นสิ่งใดนอกจากความชั่วร้าย
ครั้งหนึ่ง โลกน่าจะหมุนตามความต้องการของเรา แต่เมื่อเราเติบโต เราก็จะพบว่าโลกนี้มีวิถีของมัน เราจะเต้นตามมัน หรือช่วยผลักให้มันหมุนไวขึ้น หรือใช้ 2 มือนี้ ผลักและขัดจืนมันไว้
ทุกอย่างอยู่ที่ทางเลือก และทางเลือกของเราก็ไม่ใช่ของใคร และทางเลือกของใครๆก็ไม่ใช่ของเรา
แม้แต่การเข้าไปยุ่งในเส้นวิถีของทางเดิน ความพ่ายแพ้ก็เริ่มเกาะเราตั้งแต่ก้าวขาเข้าไปนั่นแล

ขอลองอีกครั้งเถอะ

ไปที่ไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ คอยตามบี้ตามแบน หวังว่าครั้งนี้ จะไม่มีอีกแล้ว หากครั้งนี้ถูกแบนอีก ก็ไม่ขอกลับมาทำอีกแล้ว